+

[av_one_full first min_height=” vertical_alignment=” space=” row_boxshadow=” row_boxshadow_color=” row_boxshadow_width=’10’ custom_margin=” margin=’0px’ mobile_breaking=” border=” border_color=” radius=’0px’ padding=’0px’ column_boxshadow=” column_boxshadow_color=” column_boxshadow_width=’10’ background=’bg_color’ background_color=” background_gradient_color1=” background_gradient_color2=” background_gradient_direction=’vertical’ src=” background_position=’top left’ background_repeat=’no-repeat’ highlight=” highlight_size=” animation=” link=” linktarget=” link_hover=” title_attr=” alt_attr=” mobile_display=” id=” custom_class=” aria_label=” av_uid=’av-2upzgt’][/av_one_full]

[av_textblock size=” av-medium-font-size=” av-small-font-size=” av-mini-font-size=” font_color=” color=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kpleenl4′ admin_preview_bg=”]

ransomware and customer trust

ซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่คือตัวทำลายความไว้วางใจของลูกค้า

ทุกคนคงได้ทราบข้อเท็จจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับการโจมตีบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากันบ้างแล้วว่า:

●  43% ของการโจมตีทางไซเบอร์มุ่งเป้าไปที่ธุรกิจขนาดย่อม

● 60% ของธุรกิจขนาดย่อมต้องปิดกิจการไปภายใน 6 เดือนหลังถูกโจมตีจนเสียหายหนัก

●  9 ใน 10 ของธุรกิจขนาดย่อมที่ถูกโจมตีแล้วกลับมาเปิดดำเนินการได้ช้าต้องปิดกิจการอย่างถาวร

●  ซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ทำให้ระบบใช้งานไม่ได้เป็นเวลาเฉลี่ย 16.2 วัน

●  ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในปี 2021 จะเกิดการโจมตีด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ทุก 11 วินาที

ข้อมูลเหล่านี้ชี้ตรงกันว่าซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่สามารถทำให้องค์กรขนาดย่อมเสียหายอย่างหนักได้ ทั้งต้องใช้งบในการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ต้องจ่ายเงินค่าไถ่ แล้วยังต้องแบกค่าใช้จ่ายจากการที่ไม่สามารถดำเนินงานได้อีก ทำให้ธุรกิจหลายแห่งที่ถูกโจมตีด้วยซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้

แม้ว่าในโลกของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จะมีการพูดคุยถึงความเสียหายจากการโจมตีลักษณะนี้อย่างกว้างขวาง แต่ก็มีอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจนัก นั่นคือชื่อเสียงของบริษัทที่ถูกแฮคได้สำเร็จ วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงผลกระทบที่น่ากลัวจากความหละหลวมด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีต่อความเชื่อมั่นในแบรนด์และพฤติกรรมของลูกค้ากัน

customer trust and customer satisfaction

ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญ

การสร้างความไว้วางใจไม่ใช่เรื่องง่ายและเมื่อเสียความไว้วางใจไปก็เรียกกลับมาไม่ง่ายเช่นกัน ดังนั้นถ้าคุณทำธุรกิจที่ต้องทำธุรกรรมกับลูกค้าปลายทางโดยตรงก็คงไม่อยากเจอกับผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้สำเร็จ

ลองมาดูกรณีของบริษัท Travelexซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่เป็นมิตรกับลูกค้ามากที่สุดในอังกฤษกัน บริษัท Travelex ถูกอาชญากรทางไซเบอร์ขู่ว่าเจาะระบบรักษาความปลอดภัยและดึงข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ามาได้ หากบริษัทไม่ยอมจ่ายเงินค่าไถ่หลายล้านดอลลาร์ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางไม่ดี

ลูกค้าถูกปล่อยให้กังวลอยู่หลายสัปดาห์โดยไม่รู้ว่าบริษัทจะแก้ปัญหาอย่างไร ในขณะที่ทาง Travelex ก็ตัดการเชื่อมต่อระบบ IT ออกแล้วย้ายมาตั้งคีออสให้ทำธุรกรรมด้วยปากกากับกระดาษ ปรากฏว่าแฮคเกอร์ไม่ได้เพียงแค่ขู่แต่เจาะระบบของ Travelex ได้จริง และแม้ว่าบริษัทจะยอมจ่ายค่าไถ่เป็นบิทคอยน์ที่ตามรอยไม่ได้เป็นมูลค่ามากกว่า 2 ล้านดอลลาร์ แฮคเกอร์ก็ยังตัดสินใจสร้างความเสียหายร้ายแรงเพิ่มอยู่ดี

อาชญากรดึงข้อมูลของลูกค้าไปเพิ่มอีก 5 GB ลบข้อมูลสำรองของ Travelex ทิ้งทั้งหมด และเข้ารหัสเครือข่ายของบริษัทจนไม่อาจซ่อมแซมได้ แน่นอนว่าการโจมตีรุนแรงขนาดนี้ย่อมทำให้ผู้คนหวาดกลัว

ซึ่ง 59% ของลูกค้ามักหลีกเลี่ยงไม่ทำธุรกรรมใดๆ กับบริษัทที่ถูกแฮคในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา และทางบริษัทก็ไม่สามารถปิดข่าวการถูกโจมตีร้ายแรงขนาดนี้เป็นความลับได้ เพราะองค์กรแฮคเกอร์มักป่าวประกาศความสำเร็จที่ผิดกฎหมายนี้อย่างภาคภูมิใจเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง

protect your company against ransomware attacks

การเสียลูกค้าเกิดขึ้นได้ง่าย

บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นง่ายไปกว่าการเสียลูกค้าอีกแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตลาดเฉพาะทางหรือตลาดอุตสาหกรรมทั่วไป กลุ่มเป้าหมายของคุณก็มีทางเลือกอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเมื่อลูกค้าเป้าหมายหงุดหงิดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาย้ายไปหาคู่แข่งของคุณได้แล้ว แค่ทำธุรกรรมล้มเหลวเพียงครั้งเดียวหรือระบบล่มจนลูกค้าใช้บริการไม่ได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่ชวนหัวเสีย เหตุการณ์ปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าหนีแล้ว

ลองคิดดูว่าเมื่อลูกค้าในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนใจง่ายมาเจอกับบริษัทที่โดนโจมตีทางไซเบอร์จนเป็นข่าวขายหน้าและระบบล่มใช้งานไม่ได้เป็นเวลานานจะเกิดอะไรขึ้น นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลอีกต่างหาก ถ้าคุณไม่ยอมปกป้องบริษัทของคุณจากซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ให้ดี ก็ไม่ต่างกับว่าคุณยกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใส่พานให้คู่แข่ง

แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าไว้วางใจคุณได้

ข้อผิดพลาดใหญ่ที่บริษัทมักทำคือการจัดการเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุคปัจจุบันนี้ด้วยการทำทีละนิดทีละหน่อยเป็นเรื่องๆ ไป ในยุคนี้การปะผุหลังเกิดเหตุและแก้ไขจุดโหว่เมื่อบังเอิญเจอนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แม้ตอนนี้ธุรกิจของคุณอาจยังไม่เคยถูกโจมตีทางไซเบอร์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปะละเลยไปได้โดยไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นในวันพรุ่งนี้

การรักษาความปลอดภัยแบบ “นั่งรอดู” ไม่สามารถช่วยอะไรได้ คุณจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาความปลอดภัยแบบเชิงรุกอย่างต่อเนื่องจึงจะมั่นใจได้ว่ามีกำแพงป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่แน่นหนา และที่สำคัญกว่านั้นคือสามารถรักษาความไว้วางใจของลูกค้าที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนไว้ได้! ทำให้การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของคุณซึ่งจะเป็นเรื่องคุ้มค่าในระยะยาว ปรับตัวให้เข้ากับยุคใหม่เสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่พรุ่งนี้คุณจะไม่ต้องมากังวลว่าจะเสียลูกค้าไป! หรือติดต่อเรา เรายินดีช่วยคุณวางแผนเพื่อรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจของคุณ 
[/av_textblock]

[av_social_share title=’ส่งต่อบทความ’ buttons=” yelp_link=’https://www.yelp.com’ style=” alb_description=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kplecav6′ admin_preview_bg=”]