[av_one_full first min_height=” vertical_alignment=” space=” row_boxshadow=” row_boxshadow_color=” row_boxshadow_width=’10’ custom_margin=” margin=’0px’ mobile_breaking=” border=” border_color=” radius=’0px’ padding=’0px’ column_boxshadow=” column_boxshadow_color=” column_boxshadow_width=’10’ background=’bg_color’ background_color=” background_gradient_color1=” background_gradient_color2=” background_gradient_direction=’vertical’ src=” background_position=’top left’ background_repeat=’no-repeat’ highlight=” highlight_size=” animation=” link=” linktarget=” link_hover=” title_attr=” alt_attr=” mobile_display=” id=” custom_class=” aria_label=” av_uid=’av-26yzby’]
[av_textblock size=” av-medium-font-size=” av-small-font-size=” av-mini-font-size=” font_color=” color=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kmvvnmgn’ admin_preview_bg=”]
เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรของคุณพร้อมรับการทำงานหลังเกิด COVID-19 ได้อย่างไร
Covid-19 ส่งผลกระทบมากมายหลายด้าน ทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โรงเรียน ออฟฟิศ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก
โรคนี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกนาน และทางเดียวที่เราจะอยู่กับมันได้คือต้องปรับตัวให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
นับว่าโชคดีที่เทคโนโลยีคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราพร้อมเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และความสามารถในการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วนี้จะช่วยให้องค์กรของคุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าเทคโนโลยีส่งผลต่อสถานที่ทำงานในยุคหลังเกิด Covid-19 อย่างไรบ้าง
ออฟฟิศที่ไร้การสัมผัสด้วยมือ
สถานที่ทำงานทุกแห่งต่างก็มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขภาพ และความปลอดภัยที่ถูกกำหนดขึ้น เราจึงคาดการณ์ได้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอาคารต่างๆ ให้เป็นสมาร์ทออฟฟิศ (Smart Offices) ที่ไร้การสัมผัสด้วยมือกันมากขึ้น เช่น นำระบบการจองสาธารณูปโภคแบบไร้การสัมผัสมาใช้
สมาร์ทออฟฟิศ (Smart Offices) ที่ดีจะใช้ระบบทำความร้อน เครื่องปรับอากาศ ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยและแสงสว่างเป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในออฟฟิศให้สูงขึ้น
และอาคารอัจฉริยะ (Smart Buildings) ยังเพิ่มความสะดวกในการใช้งานสาธารณูปโภค เช่น การใช้ลิฟต์ได้อีกด้วย เช่น การนำเซ็นเซอร์นับจำนวนคนมาใช้เพื่อให้พนักงานของคุณหลีกเลี่ยงลิฟต์ที่แออัดได้ง่าย หรือสามารถใช้ซอฟต์แวร์บนโทรศัพท์เรียกลิฟต์แทนการกดปุ่มได้
กล่าวโดยรวมได้ว่า ยิ่งคุณนำระบบอาคารอัจฉริยะมาใช้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งสร้างความยั่งยืนพร้อมสร้างความมีสุขภาพดี และมีความสุขให้กับพนักงานของคุณได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ทำงานเป็นทีมผ่านระบบเวอร์ชวล (Virtual )
เพื่อลดการประชุมโดยตรงในออฟฟิศ คุณจึงควรนำระบบการประชุมแบบเวอร์ชวลมาใช้แทนการพบปะพูดคุยกัน
ซอฟต์แวร์ เช่น Microsoft Team, Slack หรือ Zoom คือคำตอบในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ไร้การพบปะกันในออฟฟิศซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัส
นอกจากนี้การประชุมออนไลน์แบบเวอร์ชวลยังช่วยประหยัดเวลา เพิ่มอัตราผู้เข้าร่วมประชุม และลดค่าใช้จ่ายเพราะคุณไม่ต้องจ่ายค่าเดินทางมาประชุมให้กับพนักงานด้วย
เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของระบบออนไลน์
เราคาดการณ์ว่าจะมีการเจาะระบบรักษาความปลอดภัยพุ่งสูงขึ้นในช่วงดังกล่าว คุณจึงควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดเพื่อเก็บรักษาข้อมูลของบริษัทให้ปลอดภัย
มาตรการที่ควรนำมาใช้มีอยู่หลายด้าน ตั้งแต่ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่สามารถตรวจจับโค้ดของไฟล์ที่เป็นอันตรายได้ การใช้ไฟร์วอลป้องกัน ไปจนถึงการสำรองข้อมูล
ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องให้ความรู้และอบรมพนักงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ควรใช้ในการทำงาน
ตัวอย่างเช่น เมื่อติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสแล้ว พนักงานต้องสั่งสแกนหาโค้ดของไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของระบบด้วย และให้ดีที่สุดควรตั้งให้โปรแกรมทำการตรวจจับอัตโนมัติ
นอกจากนี้คุณยังต้องป้องกันการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์รูปแบบอื่นด้วย เช่น ติดตั้งไฟร์วอลเพื่อจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญของพนักงาน
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรนำมาใช้คือซอฟต์แวร์สำหรับสำรองข้อมูลเป็นประจำที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลสูญหาย
เพิ่มการติดตามตรวจสอบระบบเน็ตเวิร์ค
ไม่ว่าอย่างไรระบบเน็ตเวิร์คก็ต้องมีโอกาสล่มซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว
เพราะเมื่อเน็ตเวิร์คล่มก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานต่ำลง แล้วยังทำให้พนักงานหัวเสียอีกด้วย
ต้องระลึกไว้เสมอว่าอุปกรณ์ เช่น เราเตอร์ สายเชื่อมต่อ อุปกรณ์ไร้สาย และเวอร์ชวลเซิร์ฟเวอร์ต้องได้รับการตรวจสอบดูแลอยู่เสมอจึงจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
เครื่องมือติดตามตรวจสอบเน็ตเวิร์คที่ดีจะช่วยแก้ไขป้องกันไม่ให้ระบบล่มจนการทำงานต้องหยุดชะงักได้ โดยระบบดังกล่าวจะตรวจจับความผิดปกติแล้วแก้ไขให้โดยอัตโนมัติ คุณจึงแก้ไขปัญหาของเน็ตเวิร์คได้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุ
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้เสมอคือคุณต้องป้องกันไม่ให้องค์กรของคุณถูกเจาะระบบความปลอดภัย ซึ่งเครื่องมือติดตามตรวจสอบระบบเน็ตเวิร์คก็ช่วยคุณได้เช่นกัน
เครื่องมือนี้คือปราการด่านแรกในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบได้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น เกิดทราฟฟิคสูงผิดปกติกะทันหันจากประเทศที่ไม่คุ้นเคย หรือมีอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักมาเชื่อมต่อเข้ากับเน็ตเวิร์คของคุณ
เมื่อมองภาพรวมแล้วจะเห็นว่าเครื่องมือติดตามตรวจสอบระบบเน็ตเวิร์คจะช่วยเพิ่ม ROI ให้คุณได้ ด้วยการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุติดขัดที่ต้องเสียเวลาแก้ไข และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรได้ด้วยการขจัดปัญหาระบบล่มให้หมดไป
รักษาโซเชียลดิสแทนซ์ด้วยเทคโนโลยี
การรักษาโซเชียลดิสแทนซ์ (Social Distancing) ในออฟฟิศหลังเกิด Covid-19 ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อุปกรณ์ล้ำสมัย เช่น Halo จะช่วยให้พนักงานของคุณรักษาระยะห่างทางสังคมไว้ได้ดีตลอดเวลา โดยอุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่จะช่วยเตือนเมื่อเพื่อนร่วมงานของคุณอยู่ห่างจากคุณน้อยกว่า 2 เมตร
นอกจากนี้คุณยังควรพิจารณานำอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ เช่น Aura Aware ที่จะช่วยเตือนให้พนักงานของคุณยืนต่อแถวให้ห่างกันตลอดเวลา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งถ้าหากในองค์กรของคุณมีจุดที่ต้องต่อคิวเป็นแถวยาว
สรุป
โรค Covid-19 จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน แต่เทคโนโลยีต่างๆ ที่เราแนะนำให้รู้จักนี้จะช่วยให้คุณปรับสถานที่ทำงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์หลังเกิด Covid-19 ได้
ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะนำมาตรการที่เหมาะสมมาช่วยให้พนักงานของคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและช่วยปกป้องพวกเขาจากไวรัสอันตรายนี้อย่างไร
ติดต่อพูดคุยกับเราได้ เรายินดีให้คำปรึกษา
[/av_textblock]
[/av_one_full][av_social_share title=’ส่งต่อบทความ’ buttons=” yelp_link=’https://www.yelp.com’ style=” alb_description=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kmvvfbf1′ admin_preview_bg=”]