[av_one_full first min_height=” vertical_alignment=” space=” row_boxshadow=” row_boxshadow_color=” row_boxshadow_width=’10’ custom_margin=” margin=’0px’ mobile_breaking=” border=” border_color=” radius=’0px’ padding=’0px’ column_boxshadow=” column_boxshadow_color=” column_boxshadow_width=’10’ background=’bg_color’ background_color=” background_gradient_color1=” background_gradient_color2=” background_gradient_direction=’vertical’ src=” background_position=’top left’ background_repeat=’no-repeat’ highlight=” highlight_size=” animation=” link=” linktarget=” link_hover=” title_attr=” alt_attr=” mobile_display=” id=” custom_class=” aria_label=” av_uid=’av-2cl38n’]
[av_textblock size=” av-medium-font-size=” av-small-font-size=” av-mini-font-size=” font_color=” color=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kmln7hr8′ admin_preview_bg=”]
เราจะปกป้องธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลางจากการโจมตีทางไซเบอร์และการละเมิดข้อมูลได้อย่างไร
ในปี 2019 ประเทศสหรัฐอเมริกามีการละเมิดข้อมูลเกิดขึ้นมากกว่า 1,400 ครั้ง และข้อมูลอ่อนไหวมากกว่า 160 ล้านถูกเปิดเผย นั่นเป็นตัวเลขที่เยอะมาก และคุณไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นกับบริษัทของคุณอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องท้าทายในฐานะธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ว่าคุณมีวิธีปกป้องข้อมูลได้อย่างไร ในความเป็นจริง แฮคเกอร์ทั้งหลายนั้นรู้เรื่องนี้ และมักจะตั้งใจเล็งเป้ามายังกลุ่มบริษัทขนาดเล็กๆ โดยเฉพาะ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าคุณจะให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ
จะหลีกเลี่ยงไม่ทำให้ตัวเองเป็นเป้าหมายได้อย่างไรกัน? ห้ามพลาดที่จะทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ดู
ไม่เป็นเป้าหมายที่ง่าย
ขั้นตอนแรกคือ ทำสิ่งเรียบง่ายต่างๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นเป้าหมายที่ง่าย บริษัทเล็กๆ มักจะถูกเล็งเป็นเป้าหมายในการโจมตีเพราะพวกเขาไม่มีบุคลากรหรือความรู้ที่จะรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่ง คุณต้องไม่เป็นบริษัทแบบนั้น
เริ่มต้นด้วยการสร้างแผนรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก่อน แผนนี้จัดทำเอกสารนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และขั้นตอนต่างๆ ที่จะทำเมื่อมีการละเมิดข้อมูล ด้วยแผนการที่มี คุณจะให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการตอบโต้ภัยคุกคามต่างๆ หรือการโจมตีเพื่อหลอกเอาข้อมูลแก่พนักงานของคุณได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อโดยที่ไม่ตั้งใจ
เริ่มต้นด้วยการสร้างแผนรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก่อน แผนนี้จัดทำเอกสารนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และขั้นตอนต่างๆ ที่จะทำเมื่อมีการละเมิดข้อมูล ด้วยแผนการที่มี คุณจะให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการตอบโต้ภัยคุกคามต่างๆ หรือการโจมตีเพื่อหลอกเอาข้อมูลแก่พนักงานของคุณได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อโดยที่ไม่ตั้งใจ
สุดท้าย มองหาโปรแกรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน หากคุณมีโปรแกรมเวอร์ชั่นเก่าๆ หรือใช้โซลูชั่นที่ไม่ได้รับการสนับสนุนแล้ว คุณมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ไปให้ไกลกว่าพื้นฐาน
เมื่อคุณมีพื้นฐานต่างๆ ครบแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องสร้างความแข็งแรงให้กับการป้องกันของคุณมากยิ่งขึ้น คุณจะต้องการการรักษาความปลอดภัยแบบ SSL (Secure Sockets Layer) อย่างแน่นอน (ทำให้เว็บไซต์ของคุณเชื่อมต่อแบบ HTTPS) แต่คุณควรทำมากกว่านั้น
คุณจะต้องการติดตั้งไฟร์วอลล์คุณภาพสูงเพื่อป้องกันเครือข่ายของคุณ เครื่องมือนี้จะคอยตรวจสอบการรับส่งข้อมูลขาเข้าและขาบนเครือข่าย รวมถึงอนุญาตหรือบล็อกการเข้าถึงข้อมูล โดยขึ้นอยู่กับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่คุณเลือกไว้
คุณอาจจะต้องการโปรแกรมแอนตี้ไวรัสชั้นเยี่ยมด้วย โปรแกรมแอนตี้ไวรัสช่วยปกป้องระบบคอมพิวเตอร์ของคุณจากภัยคุกคามต่างๆ ที่แฮคเกอร์สร้างขึ้นเพื่อหวังขโมยข้อมูล รหัสผ่าน หรืออื่นๆ ที่จะทำลายระบบของคุณ คุณต้องมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่อัพเดทเป็นปัจจุบัน เพราะภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา อย่ามองข้ามการอัพเดทโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ
ต้องขอบคุณโรคระบาดที่ทำให้ปี 2020 นี้ มีพนักงานจำนวนมากทำงานจากที่บ้าน รูปแบบนี้มีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อในปี 2021 และในปีต่อๆ ไป นั่นหมายความว่า การรักษาความปลอดภัยในขอบเขตใหม่จะเป็นสิ่งจำเป็น โซลูชันการรักษาความปลอดภัยแบบ Endpoint ทำการปกป้องแล็ปท็อปของบริษัทของคุณ จากความไม่พร้อมด้านความปลอดภัยจากเครือข่ายในบ้าน
เมื่อคุณมีการป้องกันเหล่านี้เรียบร้อย คุณก็จะปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์มากยิ่งขึ้น
ให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัย
ระบบการรักษาความปลอดภัยของคุณมีความมั่นคงปลอดภัยเทียบเท่ากันกับผู้ใช้งานมัน ดังนั้นการให้ความรู้แก่พนักงานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น คุณต้องแนะนำให้พวกเขารู้จักมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดที่มีและเข้าใจวิธีการใช้งานเครื่องมือเหล่านั้นอย่างเหมาะสม
ความปลอดภัยของรหัสผ่านเป็นสิ่งที่สำคัญ พนักงานหลายคนรู้สึกหงุดหงิดกับการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยครั้ง และมันกลับทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว ให้คุณใช้โปรแกรมเก็บรหัสผ่านในที่ปลอดภัย ระบบนี้จะสร้างรหัสผ่านที่ปลอดภัยและเก็บรักษาเอาไว้โดยอัตโนมัติ พนักงานของคุณจึงไม่ต้องจำหรือจดมันเอาไว้อีกต่อไป
ขั้นตอนต่อมา ให้อบรมพนักงานของคุณเรื่องการหลีกเลี่ยงการโจมตีที่หวังหลอกเอาข้อมูล (Phishing Attack) การละเมิดความปลอดภัยเหล่านี้เป็นเกิดขึ้นบ่อยในบริษัทต่างๆ เพราะคนทำงานมีการย้ายงานบ่อย ไม่ตระหนักถึงสัญญาณของการหลอกลวง คุณต้องช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าอีเมลประเภทไหนบ้างที่ธุรกิจของคุณจะส่งและแบบไหนไม่ รวมถึงสอนพนักงานให้รู้วิธีจับสังเกตอีเมลปลอมด้วย
สุดท้ายนี้ พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านจะต้องเข้าใจวิธีการสร้างเครือข่ายที่บ้านที่ปลอดภัย คุณสามารถอบรมให้พวกเขารู้จักและใช้งานโปรแกรมรักษาความปลอดภัยแบบ Endpoint (Endpoint Security) ที่จะช่วยปกป้องโทรศัพท์และแล็ปท็อปของพวกเขาได้
เมื่อพนักงานรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยต่างๆ เป็นอย่างดีแล้ว องค์กรของคุณก็จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ใช้การจัดการการเข้าถึงและการรักษาความปลอดภัยอีเมลที่แข็งแรง
ปัญหาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยมีที่มาที่พบได้เป็นประจำอยู่ 2 ประการ คือ การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต และการส่งอีเมลหลอกลวงหรือไวรัสของแฮคเกอร์ การเสริมการป้องกันให้กับด้านทั้ง 2 นี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดปลอดภัย
Iถ้าคุณมีแผนกไอที ทำงานร่วมกับเขาในการติดตั้งระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่แข็งแรง เพื่อให้คนที่เหมาะสมเท่านั้นเข้าถึงระบบของคุณได้ นอกจากนี้ พวกเขาจะช่วยติดตั้งโซลูชั่นสำหรับอีเมลให้คุณได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมต่อต้านการหลอกเอาข้อมูล (Anti-Phishing) โปรแกรมคัดกรองสแปม (Spam Filtering) และเอกสารรับรองอีเมลเพื่อให้แน่ใจว่าอีเมลนั้นมาจากผู้ใช้งานตามที่ควรจะเป็น ขั้นตอนเหล่านี้จะลดโอกาสที่พนักงานจะทำผิดพลาดซึ่งนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตได้
สร้างแผนสำรองและการกู้คืนข้อมูลเพื่อรองรับภัยพิบัติ
ท้ายที่สุด เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้วิธีการกู้ข้อมูลเมื่อระบบของคุณถูกทำลายแม้ว่าคุณจะพยายามป้องกันอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการสำรองข้อมูลต่างๆ เอาไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่คุณจะสามารถนำข้อมูลของลูกค้าและพนักงานกลับมาได้โดยเร็วเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด
จากนั้น ให้คุณสร้างแผนรองรับว่าจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น นี่ควรจะรวมถึงการฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามา ไฟฟ้าดับ ข้อมูลสูญหาย ไวรัสต่างๆ รวมถึงเหตุไฟไหม้หรือน้ำท่วมที่ออฟฟิศของคุณด้วย ตัวอย่างแผนรองรับ ได้แก่ คุณอาจจะมีการสำรองข้อมูลที่จำเป็นในการทำงานของบริษัทคุณทั้งหมดไว้บนคลาวด์ เพื่อให้คุณจะสามารถโยกย้ายการทำงานได้แม้ว่าตำแหน่งทางกายภาพจะเสียหายก็ตาม
สุดท้ายนี้ ให้คุณอัพเดทโปรแกรมและอุปกรณ์ของคุณให้ทันสมัย มันท้าทายที่จะใช้ประโยชน์จากมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ถ้าหากเทคโนโลยีที่บริษัทของคุณใช้งานยังล้าหลังอยู่
คุณปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์หรือไม่
อาชญากรจำนวนมากเลือกโจมตีบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดกลางเพราะพวกเขาคิดว่าคุณไม่ค่อยระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย อย่าปล่อยให้มันเป็นจริง ด้วยขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ คุณสามารถสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรงและปกป้องตัวคุณเองจากการโจมตีและการละเมิดข้อมูลต่างๆ ได้
สนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมหรือเปล่า ติดต่อเราวันนี้ได้เลย!
[/av_textblock]
[/av_one_full]
[av_social_share title=’แชร์บทความ ‘ buttons=” yelp_link=’https://www.yelp.com’ style=” alb_description=” id=” custom_class=” av_uid=’av-kmlmoxcq’ admin_preview_bg=”]